Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2024 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรต่อหุ้นที่ 52 เซนต์ (ปรับปรุงแล้ว) ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 62 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 25.50 พันล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 24.77 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นของ Tesla ร่วงลงมากกว่า 8% ในช่วงหลังปิดตลาด
แม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่รายได้จากการขายรถยนต์กลับลดลง 7% เหลือ 19.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง บริษัทให้เหตุผลว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดราคาและแรงจูงใจอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรโดยตรง โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงจาก 18.7% ในไตรมาสที่สองของปี 2023 เหลือ 14.4% ในไตรมาสนี้
ในขณะที่ Tesla ยังคงเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากรถยนต์รุ่นเก่าของ Tesla และความคิดเห็นทางการเมืองของ Elon Musk ซีอีโอของบริษัท ที่อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
อย่างไรก็ตาม Tesla ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยในไตรมาสนี้ บริษัทได้เพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Cybertruck ซึ่งคาดว่าจะทำกำไรได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ Elon Musk ยังได้ประกาศแผนการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Optimus โดยคาดว่าจะนำมาใช้ในโรงงานของ Tesla ในปีหน้า และจะวางจำหน่ายให้กับบริษัทอื่น ๆ ในปี 2026
นอกจากนี้ Tesla ยังได้ประกาศ “หยุดชั่วคราว” แผนการผลิตรถยนต์ในเม็กซิโก เนื่องจาก Donald Trump ขู่ว่าจะเก็บภาษีรถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกในอัตราที่สูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของ Tesla
แม้ว่าผลประกอบการจะต่ำกว่าคาด แต่หุ้น Tesla ก็ยังคงปรับตัวขึ้นในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% ในขณะที่ Nasdaq เพิ่มขึ้นประมาณ 20% ในช่วงเวลาเดียวกัน
อนาคตของ Tesla ยังคงมีความท้าทายอยู่ข้างหน้า ทั้งในเรื่องของการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และการรับมือกับความผันผวนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีศักยภาพในการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของ Tesla ในอนาคต