เทรนด์ “revenge saving” ได้รับความนิยมของคนหนุ่มสาวในจีน

ในขณะที่คนหนุ่มสาวทั่วโลกกำลังก่อหนี้เพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยหลังช่วงโควิด แต่คนหนุ่มสาวจีนกลับมีพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ “revenge saving” หรือการประหยัดแบบเอาคืน โดยพวกเขามุ่งมั่นที่จะออมเงินอย่างมากเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา

เทรนด์ “revenge saving” ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียของจีน โดยคนหนุ่มสาวตั้งเป้าหมายการออมเงินรายเดือนที่สูงมาก เช่น มีผู้ใช้ชื่อ “Little Zhai Zhai” ที่พยายามจำกัดค่าใช้จ่ายรายเดือนเหลือเพียง 300 หยวน (ประมาณ 1,380 บาท) หรือบางคนใช้วิธีประหยัดค่าอาหารโดยกินข้าวที่โรงอาหารชุมชนสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมีราคาถูก นอกจากนี้ ยังมีการหา “เพื่อนออม” ในโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างกลุ่มออมเงินและกระตุ้นให้สมาชิกทำตามเป้าหมายการออมที่ตั้งไว้

สาเหตุที่คนหนุ่มสาวจีนหันมาประหยัดมากขึ้น เป็นเพราะพวกเขารับรู้ถึงสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก แม้ว่า GDP ของจีนในไตรมาสแรกจะเติบโตเกินคาด แต่ก็ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.5% ในปี 2025 นอกจากนี้ ตลาดแรงงานที่ตึงตัวโดยเฉพาะสำหรับคนหนุ่มสาวยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องประหยัดมากขึ้น อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวอายุ 16 ถึง 24 ปี อยู่ที่ 14.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 5% ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่สามารถหางานทำได้ หรือต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเพิ่มรายได้ จึงต้องลดค่าใช้จ่ายลงเพื่อความอยู่รอด

นอกจากนี้ ความไม่มั่นคงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดแรงงาน และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้คนหนุ่มสาวจีนรู้สึกไม่มั่นใจในอนาคตและเลือกที่จะออมเงินมากกว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งแตกต่างจากคนรุ่น Gen Z ในสหรัฐฯ ที่มักจะใช้จ่ายเกินตัวเพื่อแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การที่คนหนุ่มสาวจีนไม่กล้าใช้จ่ายเงินเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะพยายามกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้เต็มที่ นักวิเคราะห์มองว่าอาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่คนหนุ่มสาวจีนจะกลับมามีความมั่นใจในการใช้จ่ายและลงทุนอีกครั้ง