เดือนสิงหาคมมักมีความผันผวนสูงสุด โดยเฉพาะ S&P 500

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เจอวันร่วงหนักสุดนับตั้งแต่กันยายน 2022 แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเดือนสิงหาคมมักมีความผันผวนสูงสุด โดยเฉพาะ S&P 500 จากการวิเคราะห์ข้อมูล FactSet พบว่าเดือนสิงหาคมมักเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากตุลาคม นับตั้งแต่ปี 1932 สาเหตุหลักมาจากปริมาณการซื้อขายที่ต่ำลงเนื่องจากผู้คนจำนวนมากอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อน โดยเฉลี่ยแล้ว มีการซื้อขายสัญญา S&P 500 ประมาณ 3 พันล้านสัญญาต่อวันในเดือนสิงหาคม ซึ่งต่ำกว่าเดือนมกราคมซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 20% แม้ราคาหุ้นมักผันผวนในเดือนสิงหาคม แต่ผลตอบแทนรวมและความผันผวนโดยรวมของเดือนนี้มักอยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉลี่ยแล้ว หุ้นจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยขาดทุน 1.2% ในเดือนธันวาคม แต่ต่ำกว่ากำไรมากในเดือนมกราคมที่ 1.67% สรุปแล้ว เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงสุดเพียง 5 ครั้งตั้งแต่ปี 1928 เทียบกับเดือนเมษายนซึ่งมีความผันผวนสูงสุดถึง 15 ครั้ง  

ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก

ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1987 ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปก็ได้รับผลกระทบแต่ดีดตัวขึ้นในวันอังคาร ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว Ted Alexander จาก BML Funds ชี้ว่านักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก และมองว่าความผันผวนนี้เป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว Greg Halter จาก Carnegie Investment Counsel เห็นด้วย โดยเน้นว่านักลงทุนควรใช้ความผันผวนนี้เพื่อซื้อหุ้นที่ราคาลดลงอย่างไม่สมเหตุสมผล Halter แนะนำหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ American Tower และ W.P. Carey ซึ่งมีประวัติการดำเนินงานที่ดีในสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ Alexander แนะนำหุ้นกลุ่มสุขภาพ เช่น Novartis และ Johnson & Johnson ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดีกว่า Bernstein ระบุว่าเมื่อค่าเงินเยนแข็งค่า หุ้นกลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มส่งออกด้านสุขภาพและความบันเทิง มักจะทำผลงานได้ดี โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มรถยนต์ Bernstein แนะนำหุ้น Nintendo, Capcom, Nexon, Chugai Pharmaceutical และ … Read more

บัฟเฟตต์เป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นมา 7 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดัง ได้เทขายหุ้นจำนวนมาก รวมถึงหุ้น Apple ถึงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มเงินสดสำรองของบริษัท Berkshire Hathaway เป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สอง การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจและมูลค่าตลาดที่อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง บัฟเฟตต์เป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นมา 7 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตาม การเทขายหุ้นในไตรมาสล่าสุดถือว่ามีความรุนแรงมากขึ้น โดย Berkshire Hathaway ขายหุ้นมูลค่ากว่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มเงินสดสำรองเป็น 2.77 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด หลายคนมองว่าการเทขายหุ้นครั้งใหญ่นี้เป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาดและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรายงานข้อมูลการจ้างงานที่น่าผิดหวังเมื่อเร็ว ๆ นี้ บัฟเฟตต์เริ่มซื้อหุ้น Apple เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากปกติแล้วเขาจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม การถือครองหุ้น Apple ของ Berkshire Hathaway เพิ่มขึ้นอย่างมากจนถึงจุดหนึ่งที่คิดเป็นครึ่งหนึ่งของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ดังนั้น บางคนจึงเชื่อว่าการตัดสินใจขายทำกำไรในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ยังเคยกล่าวไว้ในที่ประชุมประจำปีของ Berkshire Hathaway เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า การขายหุ้น Apple … Read more

ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์

ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสหรัฐฯอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง ปฏิกิริยาจาก Wall Street: * Dan Ives: นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีจาก Wedbush กล่าวว่าถึงแม้ตลาดจะอยู่ในช่วง “ตื่นตระหนก” แต่ “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะตื่นตระหนก” และ “ไม่ใช่เวลาที่จะกดปุ่มออก” * Gene Goldman: CIO ของ Cetera มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดของ Fed ในเดือนกันยายนนั้น “ดูจะเกินจริง” และยังไม่มีข้อมูลที่แย่พอที่จะสนับสนุนข้อสรุปนี้ * Gennadiy Goldberg: หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของ TD Securities เห็นด้วยว่า Fed มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดมากกว่าตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี * John Stoltzfus: หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Oppenheimer แนะนำให้นักลงทุนมีสติและไม่ด่วนสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ * Ed Hyman: ประธาน Evercore ISI มองว่าสัญญาณของภาวะถดถอยกำลังเพิ่มขึ้น … Read more

บทวิเคราะห์หุ้น วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2024

บทวิเคราะห์หุ้นจากนักวิเคราะห์ Wall Street ประจำวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2024: คำแนะนำ “ซื้อ”: * BrightView (BV): Loop มองว่าบริษัทจัดสวนเชิงพาณิชย์รายนี้มีแนวโน้มเติบโตและมีโอกาสในการเพิ่มกำไรในระยะยาว * Apple (AAPL): Evercore ISI คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคาดการณ์ว่า Apple จะรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยในไตรมาสที่ผ่านมา * Nvidia (NVDA): Citi คงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังจากเข้าร่วมการประชุมที่มี Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเชื่อมั่นในชิป Blackwell ของ Nvidia * Affirm: Bank of America ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” และคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นก่อนการรายงานผลประกอบการในปลายเดือนสิงหาคม * Aon (AON): KBW ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 … Read more

บริษัทที่ จะได้เปรียบ จากความก้าวหน้าของ AI

Yuri Khodjamirian, CIO ของ Tema ETF มองว่าบริษัทที่มีข้อมูลเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร จะได้เปรียบในการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของ AI ในอนาคต โมเดล AI เช่น ChatGPT ของ OpenAI หรือ Claude ของ Anthropic ถูกสร้างขึ้นโดยการรันอัลกอริทึมที่ซับซ้อนบนข้อมูลจำนวนมหาศาล คุณภาพของข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ “Large Language Model” เหล่านี้สามารถสร้างการตอบสนองที่คล้ายกับมนุษย์ได้ Khodjamirian ระบุ 4 หุ้นที่เขาเห็นว่าเป็นผู้ชนะที่มีศักยภาพ ได้แก่ Moody’s, S&P Global, MSCI และ Intuit โดยเน้นว่าบริษัทเหล่านี้เป็นเจ้าของข้อมูลทางการเงินจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ ตัวอย่างที่สำคัญคือ Moody’s ซึ่งมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับการตัดสินใจสินเชื่อ โดยข้อมูลนี้เก็บรวบรวมจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารที่ใช้ Moody’s ในการตัดสินใจ ฐานข้อมูลนี้มีมูลค่าสูงมากและไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ เมื่อนำเครื่องมือ AI มาประยุกต์ใช้ ข้อมูลนี้จะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นไปอีก นอกจาก Moody’s แล้ว S&P Global … Read more

Nvidia อาจกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงครั้งใหญ่

นักวิเคราะห์จาก Raymond James เตือนว่าหุ้น Nvidia อาจกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงครั้งใหญ่ โดยมีสัญญาณทางเทคนิคหลายอย่างที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มดังกล่าว สัญญาณเตือน: * MACD: ตัวชี้วัดโมเมนตัมราคาส่งสัญญาณขาย * เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน: ราคาหุ้นหลุดแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน * แรงขาย: ปริมาณการซื้อขายเริ่มแสดงสัญญาณของแรงขาย แนวรับสำคัญ: นักวิเคราะห์มองว่าแนวรับสำคัญอยู่ที่ 118 ดอลลาร์ต่อหุ้น (เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน) หากราคาหุ้นปิดต่ำกว่าระดับนี้ติดต่อกันหลายวัน จะเป็นการยืนยันว่าหุ้นกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง และอาจลงไปถึง 94.94 ดอลลาร์ หรือลดลงอีก 16.9% จากระดับปัจจุบัน ปัจจัยเสี่ยง: Nvidia เป็นผู้ผลิตชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ที่สุด และได้รับประโยชน์อย่างมากจากความสนใจใน AI ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มกังวลว่า AI อาจยังไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทต่างๆ ได้ในระยะสั้น ซึ่งหากมุมมองนี้แพร่กระจายไปยังผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่นๆ อาจส่งผลให้คำสั่งซื้อชิปของ Nvidia ชะลอตัวลง สรุป: ถึงแม้ว่า … Read more

บทวิเคราะห์หุ้น Wall Street 26 กรกฎาคม 2024

บทวิเคราะห์หุ้นจากนักวิเคราะห์ Wall Street ประจำวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2024: คำแนะนำซื้อ: * DoorDash (DASH): Redburn Atlantic Equities ประเมินว่า DoorDash มีศักยภาพเติบโตสูง * Lockheed Martin (LMT): Deutsche Bank ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หลังรายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง * Apple (AAPL): Raymond James คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 250 ดอลลาร์ต่อหุ้น * Amazon (AMZN): Citi คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2 จะดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ * Tesla (TSLA): Morgan Stanley คงคำแนะนำ “ซื้อ” และมองว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ … Read more

Nick Griffin เผยเคล็ดลับสำคัญในการเลือกหุ้น Growth Stock

การลงทุนในหุ้น Growth Stock ที่มีศักยภาพเติบโตเป็น 2 เท่า ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่เกินความสามารถ หากเรามีแนวทางที่ถูกต้อง ความท้าทาย: * หุ้น Growth Stock มีมากมาย: ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง ทำให้ยากต่อการเลือกหุ้นที่ใช่ * ผลตอบแทนไม่สม่ำเสมอ: หุ้น Growth Stock บางตัวให้ผลตอบแทนดีเยี่ยม แต่บางตัวกลับไม่เป็นไปตามคาดหวัง * ความผันผวนสูง: ราคาหุ้นกลุ่มนี้มักมีความผันผวนสูง เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังต่อการเติบโตในอนาคต กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ: นักลงทุนผู้มากประสบการณ์ Nick Griffin เผยเคล็ดลับสำคัญในการเลือกหุ้น Growth Stock ที่มีศักยภาพเติบโตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยเน้นที่ 6 คุณสมบัติหลัก: * การเติบโตของรายได้: รายได้ควรเติบโตอย่างน้อย 2 เท่าของ GDP สะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตในตลาดที่มีขนาดใหญ่ * ความได้เปรียบในการแข่งขัน: บริษัทควรมีอำนาจในการตั้งราคา หรือมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอื่นๆ … Read more

ตลาดยาลดน้ำหนักมีขนาดใหญ่มากพอที่จะรองรับผู้เล่นได้ 3-4 ราย

ผู้จัดการกองทุน Yuri Khodjamirian มองว่าตลาดยาลดน้ำหนักมีขนาดใหญ่มากพอที่จะรองรับผู้เล่นได้ 3-4 ราย และยังมีโอกาสเติบโตอีกหลายเท่าตัว จากการคาดการณ์ของ Goldman Sachs ที่ประเมินว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าถึง 130 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจาก Novo Nordisk และ Eli Lilly ที่เป็นผู้นำตลาดแล้ว เขายังแนะนำให้จับตาหุ้น Amgen ที่กำลังพัฒนายาลดน้ำหนักแบบฉีด ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต รวมถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขนาดเล็กที่มีศักยภาพ แต่มีความเสี่ยงสูง เช่น Carmot ที่ถูกซื้อกิจการโดย Roche, Zealand Pharma และ Viking Therapeutics ซึ่งกำลังพัฒนายา GLP-1 ชนิดรับประทาน ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาด Khodjamirian เน้นย้ำว่าการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขนาดเล็กมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่มีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ดังนั้นนักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหุ้นหลายตัว และไม่ลงทุนเกิน 1-2% ของพอร์ตในแต่ละตัว เพื่อลดความเสี่ยงหากบริษัทนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะมีความเสี่ยง แต่ Khodjamirian เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังมีโอกาสในการเติบโตสูง เนื่องจากมีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยาลดน้ำหนักและยาสำหรับโรคเรื้อรังอื่นๆ นอกจากนี้ … Read more